Friday, 11 March 2016

เบื้องหลัง...งานบุญใหญ่ของวัดพระธรรมกาย

ในช่วงก่อสร้างพระธรรมกายเจดีย์ พื้นที่ของวัดส่วนใหญ่ยังเป็นพื้นที่โล่ง จำได้ว่ามีอยู่งานหนึ่งที่สาธุชนต้องเดินจากสภาหลังคาจาก มาจนถึงสถานที่ก่อสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ วันนั้นฝนตกโปรยปราย ทางเดินก็ยังเป็นดิน สำหรับเด็กมัธยม ชุดอุบาสิกาจะถือว่าเป็นชุดที่สวยงามมาก วันนั้นไม่ว่าจะพยายามเดินให้นิ่มนวลอย่างไร โคลนก็จะกระเด็นมาเปื้อนเต็มกระโปรงอยู่ดี เวลานึกถึงวันนั้นก็เลยมีคำถามมาถามพระเจต อธิมุตโต พระพี่ชายผู้ตัดสินลาออกจาก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตั้งแต่ปี 1 แล้วบวชมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน ว่าทำไมงานบุญใหญ่ของวัดต้องเปื้อนกันขนาดนี้ด้วยนะ?

ก่อนจะมาฟังคำตอบ ขอแทรก ประวัติโดยย่อของพระพี่ชาย เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการจินตนาการภาพตาม ตั้งแต่เยาว์วัย พระพี่ชายก็จะเป็นลูกคนโปรดของพ่อแม่ ศิษย์รักของครูบาอาจารย์ เป็นที่รักของเพื่อนที่โรงเรียน เรียนจบ ม.ต้นที่กรุงเทพฯ แล้วไปเรียนต่อ ม.ปลายที่สิงคโปร์ ก่อนกลับมาเรียนต่อมหาลัยที่ มธ. SIIT พอปิดเทอมปีหนึ่งก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น

"สุๆ ไปคุยกับพี่นะ บอกให้พี่เรียนจบก่อนแล้วค่อยบวช" ม๊าโทรมาให้ช่วยเจรจากับพระพี่ชาย บอกให้พระลาสิกขามาก่อน เรียนจบแล้วค่อยว่ากัน ตอนนั้นเรายังเรียนอยู่ที่สิงคโปร์ ก็คิดว่าโทรกลับมาหน่อยให้ม๊าสบายใจ คำตอบที่ได้ยินจากพระพี่ชาย คือ "ถ้าหลวงพี่ลาสิกขาออกไป หลวงพี่ก็ดูแลโยมพ่อ โยมแม่ได้แค่ชีวิตนี้ โยมพ่อ โยมแม่ มีลูกทั้งหมด 5 คน หลวงพี่เชื่อว่าพวกเราจะสามารถดูแลท่านได้ดีในชาตินี้ แต่บุญที่หลวงพี่ได้จากการบวชเป็นพระ จะดูแลท่านไปตลอดทั้งในภพนี้และภพหน้า"

หลังจากฟังแล้ว มานั่งคำนวณดู ลูกที่เหลืออีก 4 คนดูแลป๊า ม๊า น่าจะทำได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ใครจะดูแลป๊า ม๊าได้ข้ามภพ ข้ามชาติ พอคิดถี่ถ้วนแล้ว เลยแปรพรรคเลือกอยู่ข้างพระพี่ชายในทันที ขนาดชีวิตทางโลกอันแสนสุขสบาย ท่านยังสละได้เพื่อตอบแทนคุณพ่อแม่ เด็กมัธยมอย่างเราถึงจะยังไม่เข้าใจเรื่องบุญมากนัก แต่รู้ว่านี่คือเวลาที่ต้องอนุโมทนา เอ่ยเสียงสาธุการ

ตัดกลับมาที่คำตอบของพระพี่ชาย...

"...ก่อนงานบุญใหญ่ในทุก ๆ งานบุญใหญ่ของวัดพระธรรมกาย เป็นเรื่องปกติที่ก่อนงานจะมีการเตรียมงานกันอย่างคึกคัก และจะเสร็จสิ้นก่อนงานบุญใหญ่เพียงไม่กี่วัน ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติอีกเหมือนกัน ที่ว่าก่อนงาเพียง 1 วัน ก็จะมีมหาฝนใหญ่บังเกิดขึ้นก่อนเสมอ จากที่เตรียมงานกันมาเสร็จเกือบ 100% ก็จะโดนมหาฝนใหญ่ทำลายจนแทบไม่เหลืออะไรเลย ทั้งสแลนที่ขึงเพื่อกันแดดก็พังทลายลงแบบไม่เป็นท่า และน้ำที่เจิ่งนอง แม้งานบุญพิธีตอกเสาเข็มต้นสุดท้ายมหาธรรมกายเจดีย์ก็เช่นกัน

พระเณรทุกรูปต้องมาออกแรงช่วยกันวิดน้ำที่เจิ่งนองให้แห้งสนิท ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะต้องทำกันทั้งคืน เพื่อให้เสร็จทันก่อนวันงานบุญใหญ่ในวันถัดไป พระเณรแต่ละรูปก็จะมีอุปกรณ์คู่ใจติดตัว นั่นก็คือ กระแป๋ง 1 ใบ ต่างคนต่างก้ม ๆ เงย ๆ วิดน้ำกันตลอดทั้งคืน ทั้งรถไถปรับพื้นที่ก็วิ่งทั้งคืนเพื่อที่จะให้พื้นที่สามารถใช้งานได้ ทั้งพระเณร ทั้งเครื่องจักรต่างทำงานแบบเต็มพิกัด จนน้ำแห้ง และเสร็จก่อนงานพิธีเริ่มเพียงไม่กี่ชั่วโมงอย่างอัศจรรย์ แต่ก็ด้วยเนื้อตัวที่เปียกปอนกันทุกรูป ก็ต้องรีบกลับเข้าที่พักเพื่อสรงน้ำและเตรียมตัวมาร่วมประกอบพิธีในวันรุ่งขึ้น จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่พระเณรทุกรูปไม่ได้พักกันมาทั้งคืน ก็ต่างเหนื่อยล้าอ่อนเพลียกัน ทำให้ในช่วงประกอบพิธีกรรมก็จะเห็นคลื่นของพระเณรที่แม้จะตั้งใจนั่งธรรมะ ก็จะเห็นท่านนั่งสัปหงกเป็นเรื่องธรรมดา พระและสามเณรทุกรูปต่างก็ปีติใจในบุญที่ได้รับ เพราะไม่มีรูปไหนที่จะไม่ทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจช่วยกันเตรียมงานจนสำเร็จเป็นอัศจรรย์ และเอื้ออำนวยให้สาธุชนที่มางานได้บุญกันอย่างเต็มที่ และเบิกบาน..."


เราจึงรู้ว่าที่ชุดอุบาสิกาแสนสวยของเราต้องเปื้อนนั้น เล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับความตั้งใจ ของพระ สามเณร อุบาสก อุบาสิกาทุกรูป และทุกท่านที่ทุ่มเทกายและใจอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่อเตรียมงานบุญที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดไว้ให้พวกเราได้ประกอบพิธี

บางครั้งเวลานึกย้อนไปตอนยังไม่มีร่มเงาหลังคาอันใหญ่โตของสภาธรรมกายสากล ก็คิดถึงช่วงเวลาที่ฝนตกปรอยๆ ตอนทำพิธิกรรมกลางแจ้ง และพื้นดินที่เปี่ยมไปด้วยโคลน มือเป็นพัน เป็นหมื่นคู่ที่จับสายสิญจน์และเดินเรียงแถวต่อๆ กัน เราทุกคนมีจุดหมายเดียวกัน คือการสร้างพุทธศาสนสถานเพื่อเป็นหลักใจ หลักชัยให้ชาวพุทธทั่วโลกมารวมตัวกัน และในวันนี้ เราได้เห็นความฝันของเราในวันนั้นเป็นความจริง เราได้เห็นพ่อแมู่งมือลูกน้อยเข้าวัด เราได้เห็นคนต่างเชื้อชาติ ต่างภาษาเข้ามานั่งสมาธิรอบมหาธรรมกายเจดีย์ เราได้เห็นคนหลายแสนรวมตัวกันเพื่อทำความดี...ขอกราบแทบเท้า พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย ที่สอนให้ลูกรู้ และเข้าใจว่า การให้ที่แท้จริง คือการให้โอกาสกับผู้อื่่นมาสั่งสมบุญ และทำความดี สร้างครอบครัวอบอุ่น และสร้างโลกที่มีศีลธรรม

...รักแท้ คือการให้...












Wednesday, 9 March 2016

วัดพระธรรมกายในความทรงจำของฉัน

เข้าวัดเป็นเรื่องของคนแก่ นี่คือสิ่งที่เด็กประถมกว่า 90 เปอร์เซ็นต์เชื่อ และเราก็เคยเชื่อแบบนั้นเหมือนกัน แต่ถึงจะเชื่อ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้รับสิทธิ์ "เข้าวัดตอนแก่" เหมือนอีกหลายๆ คน เพราะบังเอิญ เรามีป๊าที่เข้าวัดได้ทุกอาทิตย์ อยู่วัดได้ทั้งวัน ที่สำคัญป๊าไม่ยอมมาวัดคนเดียว ป๊าต้องกระเตง ม๊าและลูกๆ เข้าวัดด้วย

ตอนมาวัดพระธรรมกายครั้งแรก เป็นสมัยสภาหลังคาจาก ใครที่เพิ่งเคยมาวัดในยุคปี 2540 จะไม่เคยรู้เลยว่า การได้นั่งปฎิบัติธรรม อยู่ใต้หลังคาที่มุงด้วยจาก ท่ามกลางเสียงนกร้อง เสียงเครื่องบินๆ ผ่านเป็นระยะ มันได้บรรยากาศขนาดไหน วันไหนฝนตก อากาศจะน่านอนมากจนถึงมากที่สุด

ในมุมมองของเด็กประถมปลายคนหนึ่ง วัดนี้ใหญ่มาก แต่ทำไมนะ ทำไมไม่สร้างศาลาให้ใหญ่กว่านี้ เพราะเด็กน้อยอย่างเราต้องถูกกระเด็นออกไปนั่งร่วมพิธีบนสนามหญ้า แต่เราก็ไม่โดดเดี่ยว เพราะมีผู้คนอีกมากมายที่กระเด็นออกมาอยู่บริเวณรอบสภาจากเหมือนเรา ดังนั้นตอนที่ได้ข่าวว่าหลวงพ่อท่านจะสร้างสภาธรรมกายหลังใหม่จุคนได้มากขึ้น เด็กน้อยกลางทุ่งหญ้าอย่างเราจึงดีใจมากเป็นพิเศษ

สภาหลังคาจากวัดพระธรรมกาย

คงมีคนสงสัยว่า แล้วเด็กประถมปลายอย่างเรา เข้าวัดแล้วไปทำอะไร ช่วงเช้าก็นั่งสวดมนต์ พอหลวงพ่อเริ่มนำนั่งสมาธิ เด็กน้อยอย่างเราก็ถึงเวลาพักผ่อน นอนเอาแรง เพราะเมื่อเวลาเพลมาถึง เราจะได้กินก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นไก่ที่อร่อยที่สุดในโลก และด้วยความที่คนเป็นพันจะต้องมายืนรอรับอาหารแจกฟรีเหมือนเรา ถ้าอยากได้กินก่อน ก็ต้องไปถึง "แถวก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นใก่" เป็นคนแรกๆ วัดนี้ไม่มีการขายอาหาร ไม่มีขายขนม อย่าหวังว่ามีเงินในกระเป๋าแล้วจะอิ่มได้ เพราะวัดนี้แจกอาหารฟรีให้ญาติโยมกินอย่างเดียว

ที่สำคัญต้องเข้าแถว นี่คือสิ่งแรกที่เราได้เรียนรู้จากวัดพระธรรมกาย ห้ามใช้สิทธิ์ว่าเป็นเด็กแล้วเบียดตัวแซงไปข้างหน้า เพราะที่วัดนี้ ระเบียบวินัยคือสิ่งที่ต้องถูกปลูกฝังตั้งแต่วันแรกๆ ที่เข้ามาในวัด เมื่อฟาดก๋วยเตี๋ยวจนอิ่มหนำแล้ว ก็เหลือบไปเห็นสมุดหน้าเหลืองวางไว้ตรงที่ล้างจาน แล้ววางไว้เพื่ออะไร?!! 

โซนล้างจานจะถูกแบ่งออกเป็น 4 น้ำด้วยกัน น้ำแรกไว้ล้างคราบมันที่หลงเหลืออยู่ในจาน อย่าได้เอาเศษอาหารใส่ลงไปเชียวนะคะ เพราะสมุดหน้าเหลืองเล่มนั้น ทางวัดเขาเตรียมไว้ให้เช็ดคราบเศษอาหารออกจากจานให้เกลี้ยงที่สุด จากนั้นไปขั้นตอนน้ำแฟ้บ มันคือสุดยอดของความสนุกของเด็กอย่างเรา สุดท้ายอีกสองน้ำ เอาไว้ล้างให้เกลี้ยง จนถ้าเอานิ้วรูดจาน ต้องได้ยินเสียงปรื๊ดๆ นั่นคือสะอาดแบบผ่านมาตรฐานเด็กวัดตัวน้อยๆ อย่างเรา แล้วขั้นตอนสุดท้ายคือ เช็ดจาน ช้อน ส้อมให้แห้ง แล้วค่อยนำไปผึ่งลมให้แห้ง 

อีกหนึ่งอย่างคือวัดนี้เรียงรองเท้าได้สวยงามมาก สวยจนป๊าต้องเอากลับมาใช้ที่บ้าน จากลูกๆ ที่เคยถอดปุ๊บ อำลารองเท้าทันที ทุกคนต้องวางเรียงรองเท้าในที่ๆ จัดไว้ อย่างเป็นระเบียบ 

บางคนอาจจะคิดว่า สภาหลังคาจากตอนที่วัดพระธรรมกายยังไม่ใหญ่มาก เป็นวัดที่อบอุ่น แต่ตอนนี้ได้กลายมาเป็นวัดที่ใหญ่โต มีสิ่งก่อสร้างมากมาย หรือวัดนี้จะเปลี่ยนไปเป็นวัตถุนิยมแล้ว...

สำหรับเด็กที่โตมากับวัดอย่างเรา เราไม่เคยคิดว่าวัดนี้อบอุ่นน้อยลง เมื่อพื้นที่ของวัดใหญ่ขึ้น เราไม่เคยคิดว่าหลวงพ่อธัมมชโย จะลืมเด็กตัวเล็กๆ อย่างเรา เพราะมีคนเข้ามาทำบุญมากมายเหลือเกิน เราไม่เคยคิดว่า การสร้างถาวรวัตถุมากมาย จะทำให้เราฟุ้งซ่านเวลาเราหลับตานั่งสมาธิ

แต่เราคิดว่าเมื่อวัดใหญ่ขึ้น คนก็จะมาทำความดีมากขึ้น พ่อแม่ จะพาลูกมาวัดมากมาย และเด็กเหล่านั้นจะโตขึ้นอย่างมีความสุขเหมือนอย่างที่เราเคยผ่านมา เราคิดว่าเมื่อคนเข้าวัดเยอะ เวลาหลวงพ่อธัมมชโยเทศน์สอน นำนั่งสมาธิ ท่านจะเหนื่อยน้อยลง เพราะจะมีคนมาฟังท่านมากขึ้นต่อวัน เราคิดว่าเมื่อมีการสร้างธรรมกายเจดีย์ วิหารคต วิหารหลวงปู่ คนที่เข้าวัดจะมีที่พึ่ง ที่ยึดเหนี่ยวทางใจมากขึ้น ที่สำคัญจะมีสถานที่ให้หลบมุมนั่งสมาธิกันมากขึ้น

<a href=http://www.dmc.tv/pages/scoop/The_Grand_Meditation_Amphitheatre.html title='มหารัตนวิหารคด' target=_blank><font color=#333333>มหารัตนวิหารคด</font></a>

มีหลายๆ คนเคยถามเราว่า ทำไมเราชอบทำบุญที่วัดนี้จัง...
เราคงบอกได้เพียงว่า เวลาที่คนๆ หนึ่งได้รับสิ่งดีๆ มากมาย จนมันล้น เราจะอยากที่จะแบ่งปันสิ่งดีๆ ที่เราได้รับ และส่งมอบให้คนอื่นต่อๆ ไป

วัดพระธรรมกายดูแลอาม่า ดูแลป๊าม๊า ดูแลเราและพี่น้องของเรา และตอนนี้ก็ดูแลลูก และหลานของเรา...หากมีที่ไหนบนโลกที่ดูแลเรา และคนที่เรารักได้ดีแบบนี้ สถานที่นั้นคงเป็นที่ๆ อบอุ่นที่สุดในโลก...

วัดที่อบอุ่น ไม่ใช่วัดที่สวยที่สุด หรือใหญ่ที่สุด แต่เป็นวัดที่สอนให้เรารู้จักให้สิ่งดีๆ ที่เราได้รับ และส่งมอบสิ่งดีๆ นั้นต่อให้คนอื่น ความสุขเริ่มต้นที่เรา และวัดนี้สอนให้เรารู้ว่า ความสุขจะไม่หยุดที่เรา แต่เราสามารถส่งมอบความสุขนี้ให้คนอื่นๆ ได้อีกมากมาย